คำศัพท์ 50 คำ
1A Star (เอ-สตาร์)
ดาวฤกษ์ที่สเปคตรัมชนิด A มีสเปคตรัมดูดกลืนของไฮโดรเจนเด่นชัด มีอุณหภูมิผิวราว 7500 เคลวิน ที่ A9 และ 9900 เคลวินที่ A0 เป็ดาวสีขาวมีขนาดประมาณ 1.8 ถึง 1.4 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ ตัวอย่างดาวประเภทนี้ได้แก่ Sirius Vega Altair Deneb
ดาวฤกษ์ที่สเปคตรัมชนิด A มีสเปคตรัมดูดกลืนของไฮโดรเจนเด่นชัด มีอุณหภูมิผิวราว 7500 เคลวิน ที่ A9 และ 9900 เคลวินที่ A0 เป็ดาวสีขาวมีขนาดประมาณ 1.8 ถึง 1.4 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ ตัวอย่างดาวประเภทนี้ได้แก่ Sirius Vega Altair Deneb
2Absolute temperature (แอ็บ-โซ-ลูด-เทม-เพอ-เร-เจอร์)
อุณหภูมิสัมบูรณ์ มีหน่วยวัดเป็นเคลวิน (K) ช่วงย่อยของเคลวินมีค่าเท่ากับ 1 องศาเซลเซียส (C) ความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิเคลวิน กับองศาเซลเซียสคือ T= t+273.16 เมื่อ T แทนด้วยอุณหภูมิเคลวิน และ t แทนด้วยองศาเซลเซียส ดังนั้น อุณหภูมิศูนย์องศาสัมบูรณ์จึงมีค่าเท่ากัน -273.16 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสัมบูรณ์มีการใช้กันแพร่หลายในวงการดาราศาสตร์อุณหภูมิสัมบูรณ์ มีหน่วยวัดเป็นเคลวิน (K) ช่วงย่อยของเคลวินมีค่าเท่ากับ 1 องศาเซลเซียส (C) ความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิเคลวิน กับองศาเซลเซียสคือ T= t+273.16 เมื่อ T แทนด้วยอุณหภูมิเคลวิน และ t แทนด้วยองศาเซลเซียส ดังนั้น อุณหภูมิศูนย์องศาสัมบูรณ์จึงมีค่าเท่ากัน -273.16 องศาเซลเซียส
3Achromatic Lens (อะ-โคร-มา-ติค-เลนซ์) หรือ achromat เป็นเลนซ์ที่ถูกออกแบบมาให้ลดความคลาดเคลื่อนทางแสง โดยปกติจะใช้เลนซ์ 2 ชิ้นที่ทำจากเนื้อแก้วต่างชนิดกัน มาประกบกันเพื่อให้ได้ผลรวมของแสงตกมาอยู่ที่โฟกัสเดียวกัน
4Angular Diameter (แอง-กู-ล่า-ได-มิ-เตอร์) เป็นการวัดระยะของวัตถุท้องฟ้าในรูปแบบความกว้างเชิงมุม มีหน่วยเป็นองศา หน่วยย่อยคือ arc minute , arc second ถ้าเราทราบระยะห่างระหว่างผู้สังเกตกับวัตถุท้องฟ้า ก็สามารถคำนวนหาความกว้างจริงของวัตถุท้องฟ้านั้นได้ด้วยหลักตรีโกณมิติ
5B Star (บี-สตาร์) ดาวฤกษ์ที่มีสเปคตรัม Type B มีสเปคตรัมดูดกลืนของฮีเลียมชัดเจน อุณหภูมิ 10,500 เคลวินที่ B9 และ 28,000 เคลวินที่ B0 มีมวลอยู่ระหว่าง 3.2 ถึง 17 เท่าของดวงอาทิตย์ จัดเป็นพวกดาวยักษ์สีน้ำเงินสว่างกว่าดวงอาทิตย์ 20,000 เท่า ตัวอย่างของดาว B star ได้แก่ Achernar,Regulus,Rigel,Spica
6Barlow lens (ฺบา-โล-เลนซ์) เป็นเลนซ์พิเศษที่ใช้เชื่อมต่อกับเลนซ์ตา เพื่อเพิ่มกำลังขยาย โดยปกติจะเพิ่มได้อีก 2 เท่าหรือ 3 เท่า ที่เรียกว่า Barlow 2x หรือ Barlow 3x ตามลำดับ เช่นเดิมถ้าใช้เลนซ์ตาได้กำลังขยาย 50 เท่า เมื่อใช้ Barlow 2x จะไดกำลังขยายเพิ่มขึ้นเป็น 100 เท่าเป็นต้น Barlow lens ถูกประดิษฐขึ้นโดยนักฟิสิกส์ชาวอังกฤษชื่อ Peter Barlow (ีคศ.1776-1872)
7Blueshift (บลู-ชิป) เป็นปรากฏการณ์ Doppler effect ทางดาราศาสตร์เมื่อแหล่งกำเนิดแสงอย่างดาวฤกษ์ เคลื่อนที่เข้าหาโลก ความยาวคลื่น ของแสงจะอัดตัวสั้นลง ความถี่ของแสงจะเลื่อน (shifted) ไปทางด้านสีม่วงของเส้นสเปคตรัม สังเกตได้จากแถบสเปคตรัมดูดกลืน จะเลื่อนไปทาง สีม่วงหรือสีน้ำเงิน (blueshift) โดยผลต่างของความถี่ที่เปลี่ยนไปสามารถคำนวนมาเป็นความเร็วที่เคลื่อนที่เข้าหาได้
8Brown Dwarf (บราว-ดะวาฟ) ดาวแคระน้ำตาล เป็นวัตถุที่มีมวลน้อยกว่า 0.08 เท่าของดวงอาทิตย์แกนกลางมีอุณหภูมิไม่สูงพอที่ทำให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ได้ มีอุณหภูมิผิว 2500 เคลวิน ค่าต่ำสุดของดาวแคระแดง (Red Dwarf) มีการค้นพบแล้วหลายสิบดวง ดวงที่เย็นที่สุดคือ Gliese 229B มีอุณหภูมิผิว 900 เคลวิน
9C Star (Carbon Star) มี spectral Type C เป็นดาวยักษ์แดงเย็นเฉียบ ผิวของดาวมีองค์ประกอบของคาร์บอนเป็นโมเลกุลพื้นฐาน เช่น คาร์บอนมอนน๊อคไซด์ (CO) ไซยาโนเจน (CN) และโมเลกุลของคาร์บอน (C2) ดาวฤกษ์มวลขนาดดวงอาทิตย์ของเราช่วงที่เป็นดาวยักษ์แดง จะมีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบเช่นกัน เนื่องจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่แกนกลางที่ผลิตคาร์บอนแล้วส่งต่อถึงพื้นผิว
10Calendar (แคล เอ็นเดอะ) ปฏิทิน คือวันใน 1ปีที่ถูกแบ่งย่อยออกเป็นเดือนๆ ตามการปรากฏของดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ ปฏิทินถูกคิดขึ้น ครั้งแรกโดย ชาวบาบิโลเนียน โดยใช้การปรากฏของดวงจันทร์ซึ่งมี 29.5 วัน เรียกว่า "ปฏิทินจันทรคติ" แต่มาถูกปรับปรุงให้มีความแม่นยำขึ้น โดยชาวอียิปต์โบราณ โดยใช้ดวงอาทิตย์เป็นหลัก เรียกว่า "ปฏิทินสุริยะคติ"
11Cassiopeia A (แคส-ซ-ิโอ-เปีย- เอ)
แหล่งคลื่นวิทยุความเข้มสูงบนท้องฟ้าในกลุ่มดาวแคสซิโอเปีย เป็นซากหลงเหลือจากการระเบิดของซุปเปอร์โนวา เมื่อราว คศ.1660 แต่ไม่มีการบันทึกการเห็นไว้บนโลก ทิ้งซากไว้เป็นเนบิวล่าจางๆ อยู่ห่างจากโลกราว 10,000 ปีแสง
แหล่งคลื่นวิทยุความเข้มสูงบนท้องฟ้าในกลุ่มดาวแคสซิโอเปีย เป็นซากหลงเหลือจากการระเบิดของซุปเปอร์โนวา เมื่อราว คศ.1660 แต่ไม่มีการบันทึกการเห็นไว้บนโลก ทิ้งซากไว้เป็นเนบิวล่าจางๆ อยู่ห่างจากโลกราว 10,000 ปีแสง
12Catadioptric (คา-ทา-ได-อ๊อป-ตริก) เป็นกล้องโทรทรรศน์อีกชนิดหนึ่งที่รวมเอาหลักการของเลนซ์และกระจกไว้ด้วยกัน โดยมีเลนซ์รวมแสงอยู่ด้านหน้าที่เรียกว่า Correcting plated มีกระจกนูนติดไว้อีกด้านหนึ่งเพื่อสะท้อนภาพจากกระจกหลัก ผ่านรูตรงกลางไปท้ายกระจก คล้ายกับกล้อง Cassegrain เพียงแค่มี Correcting plated เพิ่มด้านหน้าเท่านั้น กล้องแบบนี้ได้แก่ Schmidt-Cassegrain telescope และ Maksutov Telescope
13Celestial Equator (ซี-เลส-เชียน- อิ-เคว-เตอร์) เป็นแนวของเส้นศูนย์สูตรโลก ที่ขยายไปปรากฏบนทรงกลมท้องฟ้า เรียกว่า เส้นศูนย์สูตรท้องฟ้า ดังนั้นแนวของเส้นศูนย์สูตรโลก กับ แนวเส้นศูนย์สูตรท้องฟ้า จะเป็นแนวเดียวกัน
14Chandrasekar Limit ค่าจำกัดจันทราสิกขา เป็นค่าสูงสุดของมวลของดาวแคระขาว (White dwart) มีค่าประมาณ 1.4 เท่าของดวงอาทิตย์ ถ้าดาวฤกษ์มีมวลมากกว่าค่านี้ ดาวจะยุบตัวกลายเป็นดาวนิวตรอน และหลุมดำ ค่าจำกัดจันทราสิกขาถูกคิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี คศ.1931 โดยนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย และเขาได้ตั้งทฤษฏีเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาวฤกษ์
15Constellation (คอน-สเตล-เล-ชั่น)
หรือกลุ่มดาวบนท้องฟ้า เป็นกลุ่มของดาวฤกษ์บนท้องฟ้าที่มนุษย์จิตนาการไว้เป็นรูปร่างต่างๆเพื่อง่ายต่อการจดจำ เริ่มใช้ครั้งแรกในยุคสมัยของ Ptolemy มีอยู่ด้วยกัน 44 กลุ่ม ปัจจุบัน IAU แบ่งกลุ่มดาวบนท้องฟ้าออกเป็น 88 กลุ่ม และกำหนดขอบเขตที่แน่นอนเมื่อปี คศ.1930 จากกลุ่มดาวขนาดเล็กสุดคือกลุ่มดาวกางเขนใต้ (Crux) จนถึงกลุ่มดาวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือกลุ่มดาวงูไฮดรา (Hydra)
หรือกลุ่มดาวบนท้องฟ้า เป็นกลุ่มของดาวฤกษ์บนท้องฟ้าที่มนุษย์จิตนาการไว้เป็นรูปร่างต่างๆเพื่อง่ายต่อการจดจำ เริ่มใช้ครั้งแรกในยุคสมัยของ Ptolemy มีอยู่ด้วยกัน 44 กลุ่ม ปัจจุบัน IAU แบ่งกลุ่มดาวบนท้องฟ้าออกเป็น 88 กลุ่ม และกำหนดขอบเขตที่แน่นอนเมื่อปี คศ.1930 จากกลุ่มดาวขนาดเล็กสุดคือกลุ่มดาวกางเขนใต้ (Crux) จนถึงกลุ่มดาวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือกลุ่มดาวงูไฮดรา (Hydra)
16Cosmic Microwave Background
หรือรังสีคอสมิคพื้นหลัง เป็นการแพ่รังสีของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเอกภพซึ่งแพ่ออกมาทุกทิศทุกทางในอวกาศมีอุณหภูมิราว 2.73 เคลวิน เชื่อว่าเป็นคลื่นพลังงานที่หลงเหลือมาจากความร้อนของเอกภพหลังการเกิด BigBang ถูกพบครั้งแรกเมื่อปี คศ.1965 โดย Arno Penzias กับ Robert Wilson จาก Bell Telephone Laboratories การค้นพบในช่วงนั้นมีความยาวคลื่นสั้นมากเป็นไมโครเวฟ ปัจจุบันความยาวคลื่นเพิ่มขึ้นเป็นมิลลิเมตรจากผลของเอกภพขยายตัว แต่ยังคงเรียกว่าเป็นคลื่นไมโครเวฟอยู่
หรือรังสีคอสมิคพื้นหลัง เป็นการแพ่รังสีของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเอกภพซึ่งแพ่ออกมาทุกทิศทุกทางในอวกาศมีอุณหภูมิราว 2.73 เคลวิน เชื่อว่าเป็นคลื่นพลังงานที่หลงเหลือมาจากความร้อนของเอกภพหลังการเกิด BigBang ถูกพบครั้งแรกเมื่อปี คศ.1965 โดย Arno Penzias กับ Robert Wilson จาก Bell Telephone Laboratories การค้นพบในช่วงนั้นมีความยาวคลื่นสั้นมากเป็นไมโครเวฟ ปัจจุบันความยาวคลื่นเพิ่มขึ้นเป็นมิลลิเมตรจากผลของเอกภพขยายตัว แต่ยังคงเรียกว่าเป็นคลื่นไมโครเวฟอยู่
17Dark matter (ดาค-แมท-เทอร์) หรือสารมืด เป็นสสารที่ยังไม่รู้จัก และคิดว่ามีอยู่จริง อยู่ระหว่างแต่ละกาแลกซี่ และคิดว่ามีอยู่อย่างน้อย 90% ของมวลเอกภพ มีอยู่หลายรูปแบบ เช่น หลุมดำ(Black holes), ดาวแคราะน้ำตาล(Brown dwarfs), อนุภาคที่ยังไม่รู้จัก(Unknow atomic particle) ทั้งหมดนี้เรียกว่า cold dark matter ส่วนที่เป็น hot dark matter นั้นจะได้แก่ นิวตริโน
19Disk Galaxy (ดิส กาแลกซี่)
เป็นชื่อที่ใช้เรียกกาแลกซี่ หรือ ดาราจักร ที่มีลักษณะเป็นแผ่นจานบางๆ ที่มีดาวรายล้อมเป็นรัศมีรอบๆศูนย์กลางกาแลกซี่ Disk Galaxy ใช้เรียกได้ทั้งกาแลกซี่แบบเกลียว (Sprial Galaxy) และ กาแลกซี่แบบเลนซ์ (Lenticular Galaxy)
เป็นชื่อที่ใช้เรียกกาแลกซี่ หรือ ดาราจักร ที่มีลักษณะเป็นแผ่นจานบางๆ ที่มีดาวรายล้อมเป็นรัศมีรอบๆศูนย์กลางกาแลกซี่ Disk Galaxy ใช้เรียกได้ทั้งกาแลกซี่แบบเกลียว (Sprial Galaxy) และ กาแลกซี่แบบเลนซ์ (Lenticular Galaxy)
20Doppler effect (ดอล์ป-เลอร์-เอฟ-เฟค) เป็นปรากฏการณ์ที่เสียงหรือแสง มีการเปลี่ยนแปลงความยาวคลื่น เมื่อแหล่งกำเนิดเสียง หรือแสงนั้น มีการเคลื่อนที่เมื่อเทียบกับผู้สังเกต โดยจะมีความถี่มากขึ้นเมื่อแหล่งกำเนิดเคลื่อนที่เข้าหาผู้สังเกต และมีความถี่ลดลง เมื่อแหล่งกำเนิด เคลื่อนที่ออกจากผู้สังเกต ตัวอย่างของปรากฏการณ์นี้คือ รถที่เปิดไซเรนวิ่งเข้าหาเรา เสียงไรเรนจะมีความถี่สูง และเสียงจะมีความถี่ต่ำลง เมื่อรถวิ่งห่างจากเราไป ปรากฏการณ์นี้คนพบโดย คริสเตียน ดอปเปอร์ นักฟิสิกส์ชาวออสเตรีย มีชีวิตอยู่ระหว่างปี คศ.1803-1853 ในทางดาราศาสตร์ ปรากฏการณ์นี้สำคัญมาก เพราะทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า blueshift และ redshift
21Dwarf Galaxy
หรือกาแลกซี่แคระ เป็นกาแลกซี่ที่มีขนาดเล็กกว่ากาแลกซี่ทั่วไปและมีความสว่างน้อย โดยทั่วไปจะเป็นพวกกาแลกซี่รูปไข่(elliptical) หรือ กาแลกซี่ไร้รูปร่าง (Irregular) มีกาแลกซี่แคราะมากมายเป็นเพื่อนบ้านของทางช้างเผือก อยู่ในกลุ่มกาแลกซี่ท้องถิ่น (Local Group)
22Dwarf Nova
หรือ โนวาแคระ เป็นประเภทหนึ่งของดาวแปรแสงแบบไม่คงที่ ซึ่งกราฟความสว่างจะคงที่เป็นเวลานานแล้วก็สว่างขึ้นอย่างทันทีทันใด และกลับมาสว่างปกติอีกครั้ง เกิดขึ้นจากระบบดาวคู่ซึ่งมีสมาชิกดวงหนึ่งเป็นดาวแคระขาว (White dwarf) ตัวอย่างได้แก่ดาว U Geminorum Z Camelopardalis
หรือ โนวาแคระ เป็นประเภทหนึ่งของดาวแปรแสงแบบไม่คงที่ ซึ่งกราฟความสว่างจะคงที่เป็นเวลานานแล้วก็สว่างขึ้นอย่างทันทีทันใด และกลับมาสว่างปกติอีกครั้ง เกิดขึ้นจากระบบดาวคู่ซึ่งมีสมาชิกดวงหนึ่งเป็นดาวแคระขาว (White dwarf) ตัวอย่างได้แก่ดาว U Geminorum Z Camelopardalis
23Dwarf Star
หรือ ดาวแคระ เป็นลักษณะทั่วไปของดาวฤกษ์ในกาแลกซี่มีประมาณ 90 เปอร์เซนต์ มีมวลโดยเฉลี่ย 60 เปอร์เซนต์ รู้จักกันในชื่อของ main-sequence ในแผนผัง HR-diagram คำว่าแคราะมาจากความสัมพันธ์ของความสว่างน้อยกว่าขนาด ดวงอาทิตย์ของเราก็เป็นหนึ่งในจำพวกดาวแคระด้วย
24Eccentricity (แอค-เซ็น-ทริซ-อิทิ)
เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของวงโคจร ซึ่งบอกว่า วงโคจรนั้นเป็นวงรีหรือวงกลมแค่ไหน โดยการนำค่า ระยะห่างระหว่าง จุดโฟกัสสองจุด (f1f2) หารด้วยความยาวของแกนสำคัญที่ลากผ่านจุดโฟกัสทั้งสอง (x) โดยที่
พาลาโบล่า มี Eccentriciy = 1 (f1f2 มีค่าใกล้เคียง X)
วงรี จะมี Eccentricity อยู่ระหว่าง 0 ถึง 1 โดยที่ค่าเข้าใกล้ศูนย์ จะมีความรีน้อย หรือเกือบเป็นวงกลมนั่นเอง
25Equinox (อิควิน๊อกซ์)
ในภาษาไทยเรียกว่า "วิษุวัต" เป็นช่วงที่เส้นอิคลิปติค (ecliptic) ตัดกับเส้นศูนย์สูตรฟ้า (celestial equator) มีความสำคัญทางดาราศาสตร์คือ ทำให้
2.autumnal equinox (ออทัมนัล อิคิวน๊อกซ์) หรือ ศารทวิษุวัต ตรงกับวันที่ 23 กันยายน
26Fire ball (ไฟล์-บอล)
เป็นคำจำกัดความเรียกดาวตกที่มีความสว่างมากๆ ซึ่งกำหนดไว้ว่าต้องมีความสว่างมากกว่าดาวเคราะห์ ซึ่งในปัจจุบัน ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ที่ สว่างที่สุด ดังนั้น ดาวตกที่มีความสว่างมากกว่า -4.7 ก็จะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม ของ fire ball ด้วย ซึ่งฝนดาวตกเจมินิค ในเดือนธันวาคม จะปรากฏ fire ball มากกว่าอันอื่นๆ
27Galilean Satellites (กา-ลิ-เลียน-แซท-เอล-ไลท)
คือดวงจันทร์ขนาดใหญ่ของดาวพฤหัส 4 ดวงคือ Io,Europa,Ganymede และ Callisto ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากโลก ซึ่งกาลิเลโอ เป็นคนแรกที่สังเกตเห็น เมื่อปี 1610 จึงตั้งชื่อให้เป็นเกียรติ
28Gamma-Ray Burst (GRB) (แกม-ม่า-เรย์-เบิซท)
29Geocentric distance (จี-โอ-เซน-ทริด ดิส-แตนซ์)
(delta) หมายถึงระยะทางจากวัตถุท้องฟ้าถึงโลก โดยทั่วไปจะใช้หน่วยวัดเป็น astronomical units (AU.)
30Heliocentric distance (r) (ฮี-ลี-โอะ-เซ็น-ทริค-ดิซ-แทน)
คือระยะทางจากวัตถุถึงดวงอาทิตย์ โดยทั่วไปจะบอกหน่วยเป็นastronomical units (AU.)
31Inclination (อิน-คลิ-เน-ชัน)
ระนาบวงโคจรของดาวเคราะห์หรือดวงจันทร์ เมื่อเทียบกับระนาบอิคลิปติด ว่าทำมุมกันกี่องศา เช่น ดวงจันทร์ มีระนาบ 5 deg 09 min
32Julian Day (จูเลียน เดย์)
เป็นระบบจำนวนวันแบบต่อเนื่องไม่มีการแบ่งเป็นเดือนหรือปี มักใช้ในทางดาราศาสตร์คำนวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นบนท้องฟ้า โดยวันที่ 1 January 4713 BC. เวลาเที่ยงวันตามเวลา GMT จะหมายถึงวันที่ 0 ของ julian day แนวคิดนี้ ได้มาจาก นักประดิษฐปฏิทินชาวฝรั่งเศส ชื่อ Joseph Justus Scaliger เมื่อปี คศ.1582 โดยวันที่ 1 มกราคม 1995 เวลา 18.00 น. มีค่าเท่ากับ 2,449,719.25
33Kelvin
อ่านว่า เคลวิน เป็นค่าองศาสัมบูรณ์ มีค่าเท่ากับ 273.16 องศาเซลเซียส หรือ K = C + 273.16
34Magnetoshere (แมค-นี-โทส-สะ-เฟียร์)
คืออวกาศชั้นนอกสุดรอบๆดาวเคราะห์ที่มีสนามแม่เหล็ก โดยรูปร่างของชั้น magnetoshere จะเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสลมสุริยะ โดยขอบเขตชั้นนอกสุดของ magentoshere เรียกว่า magnetopause และบริเวณที่มีความแปรปรวน ของเส้นแรงแม่เหล็กเนื่องจากกระแสลมสุริยะ เรียกว่า magnetosheath ส่วนบริเวณ magnetoshere ที่ยืดยาวออกไปตามทิศทางลมสุริยะ เรียกว่า magnetotail
35Meteor (มี-ทิ-เออ)
หรือดาวตก บางก็เรียกว่า "shooting star" หรือ "falling star" ดาวตกนั้นแท้จริงแล้วคือ เศษของฝุ่น หรือหินที่ถูกแรงดึงดูดของโลกดูดเข้ามาแล้วผ่านชั้นบรรยากาศเสียดสีแล้วเกิดลุกไหม้ ส่วนใหญ่แล้วดาวตกมักเกิดจากฝุ่นของดาวหาง ถ้าหาก มีจำนวนมากๆ เราก็เรียกว่าฝนดาวตก (Meteor Shower มี-ทิ-เออ-โช-เออ) ถ้ามีอัตราการตกถี่มากตั้งแต่ 1,000 ดวงต่อนาที ก็จะเรียกว่า พายุดาวตก (Meteor Storm มี-ทิ-เออ-สะตอม) ถ้าฝนดาวตกที่มีอัตราการตกน้อยกว่า 10 ดวงต่อชั่วโมง เราก็เรียกว่าเป็น Minor Meteor Showers
36Meteor Train (มี-ทิ-เออ-ทเรน)
หางของฝุ่นหรือก๊าซที่แตกตัว หลงเหลือเป็นทางยาวตามแนวดาวตกนั่นเอง
37Nadir (เน-เดอะ)
เป็นจุดที่อยู่ตรงข้ามกับจุด Zenith อยู่บริเวณท้าวของผู้สังเกตตรงลงไปใต้ดินผ่านไปฟากหนึ่งของโลก
38Node (โหนด)
เป็นจุดซึ่งวงโคจรอันหนึ่งตัดกับอีกอันหนึ่ง โดยปกติจะมีอยู่ 2 จุดด้วยกัน ตัวอย่างเช่น
- ascending node เป็นจุดโหนดที่ดวงจันทร์ไต่ขึ้นจากทิศใต้ไปทิศเหนือ
- descending node เป็นจุดโหนดที่ดวงจันทร์ไต่ลงจากทิศเหนือลงทิศใต้
- line of nodes เป็นเส้นเชื่อมต่อระหว่างจุดโหนดทั้งสอง
39Oort clound (อ๊อต-คราว)
เป็นแหล่งกำเนิดของดาวหาง หรือ ดงดาวหาง มีลักษณะเป็นทรงกลมล้อมรอบระบบสุริยะของเราอยู่ โดยอยู่ห่างจาก ดวงอาทิตย์ 6,000 Au. หรือครึ่งทางจากดาวฤกษ์ดวงใกล้สุด ซึ่งแนวความคิดนี้เป็นของ Ernst Opik ในปี 1932 และได้ถูกเปิดเผยครั้งแรกโดยJan Oort ในปี 1950
40parsec (พา-เซค)
ย่อว่า (pc) เป็นหน่วยวัดความยาวทางดาราศาสตร์ โดยที่ 1 พาเสค มีค่าเท่ากับ 3.26 ปีแสง หรือ 3.1 × 1016 กิโลเมตร ดูคำว่า ปีแสง(light years
41perigee (เพ-ลิ-จี)
ตำแหน่งใกล้สุดบนวงโคจรของวัตถุที่โคจรรอบโลก เช่น ดาวเทียมหรือดวงจันทร์ (Moon) ตรงข้ามกับคำว่า apogee
42Plasma (พลาส-ม่า)
หมายถึงก๊าซแรงดันต่ำ ซึ่งประกอบด้วยอะตอม และ อะตอมที่แตกตัว ของก๊าซ ซึ่งมีประจุบวกและลบในปริมาณที่เท่ากัน ทำให้มีสภาพเป็นกลาง
43protostar (โปร-โต-สตาร์)
แกนกลางที่อัดแน่นไปด้วยโมเลกุลของก๊าซและฝุ่นละออง ซึ่งกำลังก่อตัวเป็นดาวฤกษ์ดวงใหม่ โดยจะสังเกตเห็น เป็นสีแดงมากๆ และคลายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าช่วงคลื่นอินฟาเรดออกมา ที่เราสามารถเห็นได้ก็ภายใน M42 เนบิวล่านายพราน ซึ่งจะกลายเป็นดาวฤกษ์ อีกราว ล้านปีข้างหน้า
44Quasar (ควอ-ซ่าร์)
45Radiant Drift (เร-เดียท-ดริฟท)
เป็นการเคลื่อนที่ของตำแหน่ง radiant ของฝนดาวตก เมื่อเทียบกับดาวที่เป็นฉากหลัง เกิดขึ้นจากที่โลก เคลื่อนที่ผ่านแนวของฝนดาวตกนั้นๆ
46Right Ascention (ไรท์แอสเซนชั่น)
เรียกย่อๆ ว่า RA (อาร์เอ) เป็นเส้นวงกลมชั่วโมง (Hour circle) บนทรงกลมท้องฟ้า (Celestial object) มีหน่วยบอกเป็น ชั่วโมงหน่วยย่อยเป็น นาที และ วินาที ใช้ในการบอกพิกัดวัตถุท้องฟ้าในระบบเส้นศูนย์สูตร โดยที่เส้น RA ที่ 0 ชั่วโมง อยู่ที่จุด vernal equinox (อยู่ในกลุ่มดาวปลาคู่ในปัจจุบัน) และนับไปทางทิศตะวันออก หรือ ไปทางขวามือเมื่อเราหันหน้าเข้าหาทิศเหนือ มีค่าเป็น 1..2..3 ชั่วโมงไปเรื่อยจนครบรอบ 24 ชั่วโมง โดยเส้น RA แต่ละชั่วโมงจะมีระยะห่างเชิงมุม 15 องศา
47Satellite (เซท-เทล-ไลท์)
หมายถึง วัตถุที่โคจรไปรอบๆ วัตถุอีกชิ้นหนึ่งที่ใหญ่กว่า ตัวอย่างเช่น ดาวเทียมหรือดวงจันทร์ที่โคจรรอบโลกของเรา ก็เรียกว่า satellite แต่ดวงจันทร์จะมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Moon (สะกดด้วย M ตัวใหญ่) หรือโลกเป็นบริวาร (satellite) ของดวงอาทิตย์ หรือดาวบริวารที่เป็นดวงจันทร์ (moon สะกดด้วย m ตัวเล็ก) ของดาวเคราะห์อื่นเช่น ดาวพฤหัส หรือ ดาวเสาร์
48Solar Eclipse (โซล่า-อิคลิปส์)
เป็นปรากการณ์ที่ดวงจันทร์บังดวงอาทิตย์ มักเกิดขึ้นช่วงขึ้น 1 ค่ำ หรือ แรม 15 ค่ำ เป็นช่วงที่ดวงจันทร์ อยู่ระหว่างโลกและดวงอาทิตย์พอดี
49Terrestrial planets (เทอ-เลส-เชียน-แพลน-เนต)
เป็นคำที่ถูกใช้เรียกแทนดาวเคราะห์ 4 ดวงคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และ ดาวอังคาร เนื่องจากมีเอกลักษณ์คล้ายกัน เช่น ขนาดใกล้เคียงกัน ความหนาแน่น และ จำนวนบริวารซึ่งมีไม่มาก
50white dwarf (ไว้ท-ดวอฟ)
ดาวแคระขาว เป็นดาวฤกษ์ที่ขนาดเท่ากับดวงอาทิตย์ของเรา ที่หมดพลังงานนิวเคลียร์ที่แกนกลางแล้ว หลังจากที่ขยายตัวเป็นดาวยักษ์แดง (Red Giant) แล้วก็จะเริ่มค่อยๆหดตัวเล็กๆ จนมีขนาดราว 1 ใน 100 ของดวงอาทิตย์หรือเท่ากับโลกของเรา ด้วยมวลที่เท่ากับดวงอาทิตย์และมีขนาดเท่าโลก ทำให้ความหนาแน่น ของดาวแคระขาวสูงมาก คือประมาณ 1 ล้านเท่าของความหนาแน่นของน้ำ
หาภาพมาประกอบด้วยจะดีมาก
ตอบลบตัวหนังสือมากเกินไป
videosด้วยก็ได้
Mountain VR - The Ridge Titanium Wallet - Tianium-arts
ตอบลบT.R.M.T.R. titanium tent stakes designed by K.T.R. t fal titanium and published by L.A.H. Entertainment in 2012. Mountain VR: titanium framing hammer The Ridge nano titanium by babyliss pro Titanium titanium pans Wallet. In store.